Author Topic: ระบบการซื้อขายนักเตะปัจจุบัน  (Read 65455 times)

Chloro

  • All Star Team
  • ****
  • Posts: 302
    • View Profile
เหล่าพ่อค้าปรับแผนด่วนๆ หมดเวลาเล่นเรสเตอรองท์ซิตี้แล้ว ท่านเอสแปลได้แจ่ม+ตีความได้เยี่ยมมากๆ เข้าใจระบบมากกว่าแอดมินอีกมั้งผมว่า
« Last Edit: July 15, 2012, 04:03:43 PM by Chloro »

Lost ME

  • Legendary Team
  • *****
  • Posts: 656
    • View Profile
นักเตะ A price=100g. B bid=100k wage=2,100 , C bid=40k wage=2,300 ,D bid=35k wage=2,400

ใครได้นักเตะ A และได้ในราคาเท่าไหร่ และค่าเหนื่อยเท่าไหร่ // ลองทายกันเล่นๆ ครับ ตามความเข้าใจ

FIFOrage

  • Professional team
  • **
  • Posts: 55
    • View Profile
นักเตะ A price=100g. B bid=100k wage=2,100 , C bid=40k wage=2,300 ,D bid=35k wage=2,400

ใครได้นักเตะ A และได้ในราคาเท่าไหร่ และค่าเหนื่อยเท่าไหร่ // ลองทายกันเล่นๆ ครับ ตามความเข้าใจ

C bid=40k wage=2,300

กอดเมืองไทย

  • Professional team
  • **
  • Posts: 86
    • View Profile
จากที่อ่านๆมาสรุปว่า

ต่อไปถ้าอัพเดตใหม่แล้ว

จะขายนักเตะไม่ควรตั้งราคาต่ำๆ เพราะว่ามีโอกาสได้ราคาขายแค่ 40% ของราคาสูงสุดได้

ให้ตั้งราคาที่เราต้องการขายไปเลยดีกว่าแล้ว ทีมส่วนใหญ่ต่อไปคงบิตแค่เท่าราคาขั้นต่ำ แล้วไปแข่งค่าเหนื่อยกัน  เพราะว่า ถ้าตั้งราคาขายที่  2ล้าน การที่จะบิตชนะแบบขาดลอย อย่างต่ำๆต้องบิตที่ 5 ล้าน ขึ้นไป  ซึ่งคงยอมไปแข่งค่าเหนื่อยดีกว่าไปเพิ่มค่าตัวแข่ง
เข้าใจถูกแล้วครับ แต่จากการที่กฏนี้ออกมามันจะทำให้นักเตะราคาถูกลงมาก เพราะฉะนั้นอนาคต(อีกซัก2-3ฤดูกาล)ทีมที่จะขายนักเตะออกเป็นส่วนใหญ่คือทีมที่ตั้งราคาต่ำ พวกที่ตั้งราคาสูงจะออกยากมากๆ ผลสุดท้ายก็ต้องตั้งราคาต่ำเหมือนคนอื่นเพราะต้องการระบายนักเตะออกจากทีมและปัจจัยที่สำคัญก็คืออคาเดมี่ซึ่งทุกทีมต้องอัพใครไม่อัพทีมอยู่ไม่ได้แน่เพราะกฏนี้มันตั้งขึ้นมาเพื่อบังคับให้ทุกทีมอัพอคาเดมี่อยู่แล้วผลที่ตามมาก็คือแต่ละทีมจะมีนักเตะที่เก่งจากอคาเดมี่ตัวเองเป็นหลัก การพึ่งพานักเตะจากตลาดซื้อ-ขายจะมีน้อยลงตามลำดับ ถ้าจะซื้อก็เฉพาะแก้ขัดชั่วคราวเช่นนักเตะบาดเจ็บหรือรอซื้อFPต้นฤดูกาลที่เก่งๆเฉพาะตำแหน่งที่จำเป็นไว้เสริมทีมเท่านั้น

lucky

  • National Team
  • ***
  • Posts: 248
    • View Profile
    • http://www.gokickoff.com/team_overviews.php?club_id=
ผมงงนิดๆครับ ตรงข้อนี้ครับ
- ผู้ที่จะชนะประมูล คือ ผู้ที่เสนอค่าจ้างแก่นักเตะสูงที่สุด โดยมีเงื่อนไขว่า ราคาประมูลนักเตะของผู้นั้นต้องไม่น้อยกว่า 40% ของราคาประมูลสูงสุด

สมมุติ1. ตั้งขายไว้ที่ 2,500,000 G แล้วมีทีมบิด 2 ทีมดังนี้

A=10,000 G ค่าจ้าง 2,000
B=4,000 G ค่าจ้าง 2,001

ซึ่งเมื่อสรุปแล้ว ทีม B ชนะบิดไป ก็จะจ่ายเป็นเงิน 6,001 G หรือ จ่าย 4,000 G ครับ

แล้วถ้าเป็นแบบนี้พวกนักเตะที่คนชอบตั้งราคาเว่อร์ๆ ร้อยล้าน พันล้าน เราก็มาแย่งกันบิดโดยใส่ราคาได้ตามสะดวกเลยซิครับ
เช่นราคาอาจจะแข่งกันอยู่ที่หลักแสน ก็จะออกไปที่ราคาที่แข่งกันใช่ไหมครับ
ทีนี้ถ้าใครเผลอกดตั้งขายโชว์สกิลเด็กๆก็จะโดนซื้อไปเลยแน่ๆไม่ว่าจะตั้งด้วยราคาใดก็ตามใช่ไหมครับ

หรือว่าระบบจะพิจารณาจากราคาที่เราตั้งไว้แทน
เพราะเราตั้งไว้ที่ 2,500,000 G เผื่อให้ได้ราคาที่ 1,000,000 จากคนที่ร่วมบิดถ้าเกิดว่าใส่เท่ากัน แล้ววัดกันที่ค่าจ้างแทน

สมมุติ2. ตั้งขายไว้ที่ 2,500,000 G แล้วมีทีมบิด 2 ทีมดังนี้
A=10,000 G ค่าจ้าง 2,000
B=4,000 G ค่าจ้าง 2,001

พอจบการประมูล ระบบจะบอกว่าการซื้อขายไม่สำเร็จ เพราะราคาบิดน้อยกว่า 40% ของราคาที่ตั้งขาย

ผมก็เลยงงๆว่า ความหมายของไม่น้อยกว่า 40% ของราคาประมูลสูงสุด มันหมายถึงแบบไหนกันแน่ครับ ::)
1.ความหมายของไม่น้อยกว่า 40% ของราคาประมูลสูงสุด หมายถึงการเสนอราคา 40%ของผู้ที่ใส่ราคาประมูลสูงสุดของนักเตะตัวนั้น
2.จากสมมุติ2. ตั้งขายไว้ที่ 2,500,000 G แล้วมีทีมบิด 2 ทีมดังนี้
A=10,000 G ค่าจ้าง 2,000
B=4,000 G ค่าจ้าง 2,001
จะไม่มีใครบิดนักเตะได้ เพราะคนที่จะบิดต้องใส่ราคา2.5ล้านก่อน แล้วค่อยใส่ค่าจ้างต่อสัปดาห์อีกต่างหาก เพราะฉะนั้นถ้าคุณจะบิดนักเตะตัวนี้คุณต้องมีเงินขั้นต่ำ2.5ล้านและเสนอราคาขั้นต่ำ2.5ล้านถึงจะสามารถบิดได้ แล้วค่อยไปวัดกันที่ค่าแรงรายสัปดาห์เหมือนเดิม

*สรุปคือการประมูลทุกอย่างยังเหมือนเดิมแค่มีค่าแรงเพิ่มขึ้นมาที่เราต้องใส่ในการประมูล ส่วนใครจะได้หรือไม่ก็ต้องไปดูกติกาตามข้อ1ที่ผมบอกไว้

อ๋อพอจะเข้าใจแล้ว ถ้าเราต้องการ 1 ล้าน เราก็ตั้ง 1 ล้านไปเลย
เช่น ขาย 1,000,000 G ถ้ามี 4 ทีมร่วมบิด
A=2,500,000 G + 5,000 G
B=2,500,010 G + 1,999 G
C=1,000,000 G + 5,001 G
D=1,000,004 G + 2,000 G
ซึ่งถ้าเป็นแบบนี้ทีม D ก็ชนะไปตรงที่ค่าจ้างแพงกว่า 1 G ใช่ไหมครับ
โดยในความเป็นจริงแล้วทุกๆคนคงใส่ราคาที่ตั้งขาย 1 ล้านกว่าๆ เท่านั้น แล้วมาสู้ที่ค่าจ้างแทน

ผมก็ว่ามันก็คงไม่ต่างจากการซื้อขายเดิมมากสักเท่าไหร่ เพราะคนที่ตั้งขาย ยังไงก็คงต้องการราคาที่อยากได้อยู่แล้ว
ก็จะทำให้ในตลาดแต่ละตัวมีราคาที่สูงขึ้นทั้งนั้น ราคาที่ตั้งขั้นต่ำตัวละ 100 G ก็คงไม่มีในตลาดเลย

เพียงแต่ระบบใหม่มีเงื่อนไขระยะเวลาเข้ามาเกี่ยวข้องด้วยเท่านั้น สำหรับคนที่มีตัวนักเตะอยู่ก่อนวันที่ 9/9 ยังไงก็ขายได้ในราคาที่ต้องการ
ส่วนคนที่มีนักเตะเข้าทีมหลังจากนั้น ก็รอระยะเวลาไปตามที่กำหนด ถ้าอยากจะขายได้ราคาดี ซึ่งตลาดจะเข้าสู่ภาวะปกติอีกครั้งก็อีก 3 ฤดูกาลต่อจากนั้น
ทีนี้ก็จะเหมือนเดิมกับตอนนี้ เพียงแต่ขั้นตอนมันเพิ่มขึ้น แล้วถึงเวลานั้นเงินล้านก็ซื้อได้แต่กากๆเท่านั้น เพราะคนจะมีเงินเก็บกันมากขึ้นกว่าเดิม

เอ็นม่า

  • National Team
  • ***
  • Posts: 138
    • View Profile
เตรียมขายปืน กับเครื่องกระสุนดีกว่า คาดว่าจะมีนักเตะถูกยิงทิ้งกว่า 20% เมื่อมีการใช้ระบบใหม่
ROCK & ROLL - เวลาปั้น ต้องปั้นอย่างมีสเต็ป .. เวลาแพ้  ต้องแพ้อย่างมีสไตล์

FIFOrage

  • Professional team
  • **
  • Posts: 55
    • View Profile
ผมงงนิดๆครับ ตรงข้อนี้ครับ
- ผู้ที่จะชนะประมูล คือ ผู้ที่เสนอค่าจ้างแก่นักเตะสูงที่สุด โดยมีเงื่อนไขว่า ราคาประมูลนักเตะของผู้นั้นต้องไม่น้อยกว่า 40% ของราคาประมูลสูงสุด

สมมุติ1. ตั้งขายไว้ที่ 2,500,000 G แล้วมีทีมบิด 2 ทีมดังนี้

A=10,000 G ค่าจ้าง 2,000
B=4,000 G ค่าจ้าง 2,001

ซึ่งเมื่อสรุปแล้ว ทีม B ชนะบิดไป ก็จะจ่ายเป็นเงิน 6,001 G หรือ จ่าย 4,000 G ครับ

แล้วถ้าเป็นแบบนี้พวกนักเตะที่คนชอบตั้งราคาเว่อร์ๆ ร้อยล้าน พันล้าน เราก็มาแย่งกันบิดโดยใส่ราคาได้ตามสะดวกเลยซิครับ
เช่นราคาอาจจะแข่งกันอยู่ที่หลักแสน ก็จะออกไปที่ราคาที่แข่งกันใช่ไหมครับ
ทีนี้ถ้าใครเผลอกดตั้งขายโชว์สกิลเด็กๆก็จะโดนซื้อไปเลยแน่ๆไม่ว่าจะตั้งด้วยราคาใดก็ตามใช่ไหมครับ

หรือว่าระบบจะพิจารณาจากราคาที่เราตั้งไว้แทน
เพราะเราตั้งไว้ที่ 2,500,000 G เผื่อให้ได้ราคาที่ 1,000,000 จากคนที่ร่วมบิดถ้าเกิดว่าใส่เท่ากัน แล้ววัดกันที่ค่าจ้างแทน

สมมุติ2. ตั้งขายไว้ที่ 2,500,000 G แล้วมีทีมบิด 2 ทีมดังนี้
A=10,000 G ค่าจ้าง 2,000
B=4,000 G ค่าจ้าง 2,001

พอจบการประมูล ระบบจะบอกว่าการซื้อขายไม่สำเร็จ เพราะราคาบิดน้อยกว่า 40% ของราคาที่ตั้งขาย

ผมก็เลยงงๆว่า ความหมายของไม่น้อยกว่า 40% ของราคาประมูลสูงสุด มันหมายถึงแบบไหนกันแน่ครับ ::)
1.ความหมายของไม่น้อยกว่า 40% ของราคาประมูลสูงสุด หมายถึงการเสนอราคา 40%ของผู้ที่ใส่ราคาประมูลสูงสุดของนักเตะตัวนั้น
2.จากสมมุติ2. ตั้งขายไว้ที่ 2,500,000 G แล้วมีทีมบิด 2 ทีมดังนี้
A=10,000 G ค่าจ้าง 2,000
B=4,000 G ค่าจ้าง 2,001
จะไม่มีใครบิดนักเตะได้ เพราะคนที่จะบิดต้องใส่ราคา2.5ล้านก่อน แล้วค่อยใส่ค่าจ้างต่อสัปดาห์อีกต่างหาก เพราะฉะนั้นถ้าคุณจะบิดนักเตะตัวนี้คุณต้องมีเงินขั้นต่ำ2.5ล้านและเสนอราคาขั้นต่ำ2.5ล้านถึงจะสามารถบิดได้ แล้วค่อยไปวัดกันที่ค่าแรงรายสัปดาห์เหมือนเดิม

*สรุปคือการประมูลทุกอย่างยังเหมือนเดิมแค่มีค่าแรงเพิ่มขึ้นมาที่เราต้องใส่ในการประมูล ส่วนใครจะได้หรือไม่ก็ต้องไปดูกติกาตามข้อ1ที่ผมบอกไว้

อ๋อพอจะเข้าใจแล้ว ถ้าเราต้องการ 1 ล้าน เราก็ตั้ง 1 ล้านไปเลย
เช่น ขาย 1,000,000 G ถ้ามี 4 ทีมร่วมบิด
A=2,500,000 G + 5,000 G
B=2,500,010 G + 1,999 G
C=1,000,000 G + 5,001 G
D=1,000,004 G + 2,000 G
ซึ่งถ้าเป็นแบบนี้ทีม D ก็ชนะไปตรงที่ค่าจ้างแพงกว่า 1 G ใช่ไหมครับ
โดยในความเป็นจริงแล้วทุกๆคนคงใส่ราคาที่ตั้งขาย 1 ล้านกว่าๆ เท่านั้น แล้วมาสู้ที่ค่าจ้างแทน

ผมก็ว่ามันก็คงไม่ต่างจากการซื้อขายเดิมมากสักเท่าไหร่ เพราะคนที่ตั้งขาย ยังไงก็คงต้องการราคาที่อยากได้อยู่แล้ว
ก็จะทำให้ในตลาดแต่ละตัวมีราคาที่สูงขึ้นทั้งนั้น ราคาที่ตั้งขั้นต่ำตัวละ 100 G ก็คงไม่มีในตลาดเลย

เพียงแต่ระบบใหม่มีเงื่อนไขระยะเวลาเข้ามาเกี่ยวข้องด้วยเท่านั้น สำหรับคนที่มีตัวนักเตะอยู่ก่อนวันที่ 9/9 ยังไงก็ขายได้ในราคาที่ต้องการ
ส่วนคนที่มีนักเตะเข้าทีมหลังจากนั้น ก็รอระยะเวลาไปตามที่กำหนด ถ้าอยากจะขายได้ราคาดี ซึ่งตลาดจะเข้าสู่ภาวะปกติอีกครั้งก็อีก 3 ฤดูกาลต่อจากนั้น
ทีนี้ก็จะเหมือนเดิมกับตอนนี้ เพียงแต่ขั้นตอนมันเพิ่มขึ้น แล้วถึงเวลานั้นเงินล้านก็ซื้อได้แต่กากๆเท่านั้น เพราะคนจะมีเงินเก็บกันมากขึ้นกว่าเดิม

ไม่ถูกซะทีเดียว ที่บอกว่าไม่ต่างจากระบบเก่าแค่ตั้งค่าตัวขั้นต่ำ

เพราะในมุมของผู้ซื้อจะมีความแตกต่างอยู่ดี ถ้าทีมขายตั้งค่าตัว 1 ล้าน แล้วมีทีมแข่งกัน bid  4 ทีม   4 ทีมนี้จะจ่าย 1 ล้านเท่าเดิมก็จริง  แต่ค่าเหนื่อยต่อๆไปมันจะเพิ่มมหาศาล  จากเดิมเราจ่ายแค่ค่าเหนื่อยขั้นต่ำให้นักเตะเท่านั้น

ต่อไปพวกนักเตะค่าตัวราวๆ 600k อาจจะได้ค่าเหนื่อนกัน  20-50k ต่อสัปดาห์ แล้ว มันจะจำกัดการที่แต่ละทีมจะมีนักเตะเก่งๆได้น้อยลง เพราะไปตันที่เพดานค่าเหนื่อยแทน

สุดท้ายเรื่องเงินเฟ้อก็น่าจะชะลออัตราเงินเฟ้อได้ดีกว่าเดิม ตรงที่ค่าใช้จ่ายพวกค่าเหนื่อยมีแนวโน้มจะสูงขึ้น ทำให้ค่าใช้จ่ายแต่ละทีมเพิ่มขึ้น ทำให้เงินสะสมของแต่ละทีมจะมีลดลง ค่าตัวนักเตะในการซื้อขายน่าจะชะลอตัวได้เยอะทีเดียว
« Last Edit: July 15, 2012, 05:22:06 PM by FIFOrage »

ousmal

  • All Star Team
  • ****
  • Posts: 310
    • View Profile
อ๋อพอจะเข้าใจแล้ว ถ้าเราต้องการ 1 ล้าน เราก็ตั้ง 1 ล้านไปเลย
เช่น ขาย 1,000,000 G ถ้ามี 4 ทีมร่วมบิด
A=2,500,000 G + 5,000 G
B=2,500,010 G + 1,999 G
C=1,000,000 G + 5,001 G
D=1,000,004 G + 2,000 G
ซึ่งถ้าเป็นแบบนี้ทีม D ก็ชนะไปตรงที่ค่าจ้างแพงกว่า 1 G ใช่ไหมครับ
โดยในความเป็นจริงแล้วทุกๆคนคงใส่ราคาที่ตั้งขาย 1 ล้านกว่าๆ เท่านั้น แล้วมาสู้ที่ค่าจ้างแทน

ผมก็ว่ามันก็คงไม่ต่างจากการซื้อขายเดิมมากสักเท่าไหร่ เพราะคนที่ตั้งขาย ยังไงก็คงต้องการราคาที่อยากได้อยู่แล้ว
ก็จะทำให้ในตลาดแต่ละตัวมีราคาที่สูงขึ้นทั้งนั้น ราคาที่ตั้งขั้นต่ำตัวละ 100 G ก็คงไม่มีในตลาดเลย

เพียงแต่ระบบใหม่มีเงื่อนไขระยะเวลาเข้ามาเกี่ยวข้องด้วยเท่านั้น สำหรับคนที่มีตัวนักเตะอยู่ก่อนวันที่ 9/9 ยังไงก็ขายได้ในราคาที่ต้องการ
ส่วนคนที่มีนักเตะเข้าทีมหลังจากนั้น ก็รอระยะเวลาไปตามที่กำหนด ถ้าอยากจะขายได้ราคาดี ซึ่งตลาดจะเข้าสู่ภาวะปกติอีกครั้งก็อีก 3 ฤดูกาลต่อจากนั้น
ทีนี้ก็จะเหมือนเดิมกับตอนนี้ เพียงแต่ขั้นตอนมันเพิ่มขึ้น แล้วถึงเวลานั้นเงินล้านก็ซื้อได้แต่กากๆเท่านั้น เพราะคนจะมีเงินเก็บกันมากขึ้นกว่าเดิม

ผมว่าท่านพิมพ์งงๆนะ กรณีที่ท่านยกมาทั้ง 4 คือ A-D กรณี A ต้องได้ดิ C และ D ตัดทิ้งเลยเพราะค่าตัวไม่ถึง 40% ของค่าตัวที่เสนอแพงสุดคือ B กรณีแบบนี้ทีมที่จะได้วัดกันแค่ A และ B ในส่วนของการเสนอค่าเหนื่อยที่ใครให้มากกว่ากัน A ก็จะได้ไป

FIFOrage

  • Professional team
  • **
  • Posts: 55
    • View Profile
Dได้ไปแม่นแล้ว แต่ผมฟันธงว่าอีก2-3ฤดูกาลนักเตะในตลาดทั่วไปจะราคาถูกลงมาก(เอาแค่หลังกฏนี้เริ่มใช้ก็จะเริ่มถูกลงแล้ว) ทีมที่จะซื้อนักเตะไปใช้งานจริงๆก็จะเป็นทีมน้องใหม่เพิ่งเล่นฤดูกาลแรกเป็นหลัก พวกที่เล่นมานานเกิน3ฤดูกาลก็จะแข่งกันอัพอคาเดมี่และพึ่งเด็กจากอคาเดมี่ตัวเองอย่างเดียวซึ่งสามารถกดเด็กได้ปีละ7ตัวแถมใช้โทเค่นเพิ่มโควต้าเพื่อคัดเด็กดาวดีๆมาใช้งาน ทำให้มีเด็กเก่งล้นทีมยังไงก็ต้องระบายออก(เพราะไม่อยากจ้างให้เปลืองค่าเหนื่อย) ทำให้นักเตะราคาถูกเพราะคนขายจะมากกว่าคนซื้อ

วิเคราห์ได้สุดยอดเลยครับ  8)

แต่ได้ยินว่าระบบอคาเดมี่ก็เปลี่ยนเหมือนกันที่มีให้โหวตตอนต้นฤดูกาลไรสักอย่างไม่รุจะเป็นยังไง

ส่วนค่าตัวนักเตะพวก 5-7 ดาวต่อไปอาจจะลงมาแน่นอน เพราะนักเตะมันจะล้น จนกลายเป้นนักเตะดาดๆไป  แต่พวกนักเตะดาวเยอะๆระดับ 8-9 ดาวขึ้นไปเชื่อว่าราคาก็ยังสูงเหมือนเดิมอาจจะสูงกว่าเดิมด้วย เพราะจำนวนน้อยลงและทีมที่มีนักเตะ 7 ดาวทั้งทีมจะเยอะขึ้นทำให้เวลาจะเสริมทัพจะมองหานักเตะระดับ 8-9 ดาวขึ้นไปกันหมดจึงต้องมาแย่งกันสูงขึ้น

MR.Salt

  • Professional team
  • **
  • Posts: 76
    • View Profile
ดีๆมันส์ดี สมจริงขึ้นอีกระดับ

Sillyman

  • Youth team
  • *
  • Posts: 29
    • View Profile
อ๋อพอจะเข้าใจแล้ว ถ้าเราต้องการ 1 ล้าน เราก็ตั้ง 1 ล้านไปเลย
เช่น ขาย 1,000,000 G ถ้ามี 4 ทีมร่วมบิด
A=2,500,000 G + 5,000 G
B=2,500,010 G + 1,999 G
C=1,000,000 G + 5,001 G
D=1,000,004 G + 2,000 G
ซึ่งถ้าเป็นแบบนี้ทีม D ก็ชนะไปตรงที่ค่าจ้างแพงกว่า 1 G ใช่ไหมครับ
โดยในความเป็นจริงแล้วทุกๆคนคงใส่ราคาที่ตั้งขาย 1 ล้านกว่าๆ เท่านั้น แล้วมาสู้ที่ค่าจ้างแทน

ผมก็ว่ามันก็คงไม่ต่างจากการซื้อขายเดิมมากสักเท่าไหร่ เพราะคนที่ตั้งขาย ยังไงก็คงต้องการราคาที่อยากได้อยู่แล้ว
ก็จะทำให้ในตลาดแต่ละตัวมีราคาที่สูงขึ้นทั้งนั้น ราคาที่ตั้งขั้นต่ำตัวละ 100 G ก็คงไม่มีในตลาดเลย

เพียงแต่ระบบใหม่มีเงื่อนไขระยะเวลาเข้ามาเกี่ยวข้องด้วยเท่านั้น สำหรับคนที่มีตัวนักเตะอยู่ก่อนวันที่ 9/9 ยังไงก็ขายได้ในราคาที่ต้องการ
ส่วนคนที่มีนักเตะเข้าทีมหลังจากนั้น ก็รอระยะเวลาไปตามที่กำหนด ถ้าอยากจะขายได้ราคาดี ซึ่งตลาดจะเข้าสู่ภาวะปกติอีกครั้งก็อีก 3 ฤดูกาลต่อจากนั้น
ทีนี้ก็จะเหมือนเดิมกับตอนนี้ เพียงแต่ขั้นตอนมันเพิ่มขึ้น แล้วถึงเวลานั้นเงินล้านก็ซื้อได้แต่กากๆเท่านั้น เพราะคนจะมีเงินเก็บกันมากขึ้นกว่าเดิม

ผมว่าท่านพิมพ์งงๆนะ กรณีที่ท่านยกมาทั้ง 4 คือ A-D กรณี A ต้องได้ดิ C และ D ตัดทิ้งเลยเพราะค่าตัวไม่ถึง 40% ของค่าตัวที่เสนอแพงสุดคือ B กรณีแบบนี้ทีมที่จะได้วัดกันแค่ A และ B ในส่วนของการเสนอค่าเหนื่อยที่ใครให้มากกว่ากัน A ก็จะได้ไป

ชักงงมะกี้คุณกอดเมืองไทยบอก D ได้ไป มันจะได้ไปได้ยังไง A มันให้มากกว่าทั้งเงินทั้งค่าเหนื่อย - -

กอดเมืองไทย

  • Professional team
  • **
  • Posts: 86
    • View Profile
ผมงงนิดๆครับ ตรงข้อนี้ครับ
- ผู้ที่จะชนะประมูล คือ ผู้ที่เสนอค่าจ้างแก่นักเตะสูงที่สุด โดยมีเงื่อนไขว่า ราคาประมูลนักเตะของผู้นั้นต้องไม่น้อยกว่า 40% ของราคาประมูลสูงสุด

สมมุติ1. ตั้งขายไว้ที่ 2,500,000 G แล้วมีทีมบิด 2 ทีมดังนี้

A=10,000 G ค่าจ้าง 2,000
B=4,000 G ค่าจ้าง 2,001

ซึ่งเมื่อสรุปแล้ว ทีม B ชนะบิดไป ก็จะจ่ายเป็นเงิน 6,001 G หรือ จ่าย 4,000 G ครับ

แล้วถ้าเป็นแบบนี้พวกนักเตะที่คนชอบตั้งราคาเว่อร์ๆ ร้อยล้าน พันล้าน เราก็มาแย่งกันบิดโดยใส่ราคาได้ตามสะดวกเลยซิครับ
เช่นราคาอาจจะแข่งกันอยู่ที่หลักแสน ก็จะออกไปที่ราคาที่แข่งกันใช่ไหมครับ
ทีนี้ถ้าใครเผลอกดตั้งขายโชว์สกิลเด็กๆก็จะโดนซื้อไปเลยแน่ๆไม่ว่าจะตั้งด้วยราคาใดก็ตามใช่ไหมครับ

หรือว่าระบบจะพิจารณาจากราคาที่เราตั้งไว้แทน
เพราะเราตั้งไว้ที่ 2,500,000 G เผื่อให้ได้ราคาที่ 1,000,000 จากคนที่ร่วมบิดถ้าเกิดว่าใส่เท่ากัน แล้ววัดกันที่ค่าจ้างแทน

สมมุติ2. ตั้งขายไว้ที่ 2,500,000 G แล้วมีทีมบิด 2 ทีมดังนี้
A=10,000 G ค่าจ้าง 2,000
B=4,000 G ค่าจ้าง 2,001

พอจบการประมูล ระบบจะบอกว่าการซื้อขายไม่สำเร็จ เพราะราคาบิดน้อยกว่า 40% ของราคาที่ตั้งขาย

ผมก็เลยงงๆว่า ความหมายของไม่น้อยกว่า 40% ของราคาประมูลสูงสุด มันหมายถึงแบบไหนกันแน่ครับ ::)
1.ความหมายของไม่น้อยกว่า 40% ของราคาประมูลสูงสุด หมายถึงการเสนอราคา 40%ของผู้ที่ใส่ราคาประมูลสูงสุดของนักเตะตัวนั้น
2.จากสมมุติ2. ตั้งขายไว้ที่ 2,500,000 G แล้วมีทีมบิด 2 ทีมดังนี้
A=10,000 G ค่าจ้าง 2,000
B=4,000 G ค่าจ้าง 2,001
จะไม่มีใครบิดนักเตะได้ เพราะคนที่จะบิดต้องใส่ราคา2.5ล้านก่อน แล้วค่อยใส่ค่าจ้างต่อสัปดาห์อีกต่างหาก เพราะฉะนั้นถ้าคุณจะบิดนักเตะตัวนี้คุณต้องมีเงินขั้นต่ำ2.5ล้านและเสนอราคาขั้นต่ำ2.5ล้านถึงจะสามารถบิดได้ แล้วค่อยไปวัดกันที่ค่าแรงรายสัปดาห์เหมือนเดิม

*สรุปคือการประมูลทุกอย่างยังเหมือนเดิมแค่มีค่าแรงเพิ่มขึ้นมาที่เราต้องใส่ในการประมูล ส่วนใครจะได้หรือไม่ก็ต้องไปดูกติกาตามข้อ1ที่ผมบอกไว้

อ๋อพอจะเข้าใจแล้ว ถ้าเราต้องการ 1 ล้าน เราก็ตั้ง 1 ล้านไปเลย
เช่น ขาย 1,000,000 G ถ้ามี 4 ทีมร่วมบิด
A=2,500,000 G + 5,000 G
B=2,500,010 G + 1,999 G
C=1,000,000 G + 5,001 G
D=1,000,004 G + 2,000 G
ซึ่งถ้าเป็นแบบนี้ทีม D ก็ชนะไปตรงที่ค่าจ้างแพงกว่า 1 G ใช่ไหมครับ
โดยในความเป็นจริงแล้วทุกๆคนคงใส่ราคาที่ตั้งขาย 1 ล้านกว่าๆ เท่านั้น แล้วมาสู้ที่ค่าจ้างแทน

ผมก็ว่ามันก็คงไม่ต่างจากการซื้อขายเดิมมากสักเท่าไหร่ เพราะคนที่ตั้งขาย ยังไงก็คงต้องการราคาที่อยากได้อยู่แล้ว
ก็จะทำให้ในตลาดแต่ละตัวมีราคาที่สูงขึ้นทั้งนั้น ราคาที่ตั้งขั้นต่ำตัวละ 100 G ก็คงไม่มีในตลาดเลย

เพียงแต่ระบบใหม่มีเงื่อนไขระยะเวลาเข้ามาเกี่ยวข้องด้วยเท่านั้น สำหรับคนที่มีตัวนักเตะอยู่ก่อนวันที่ 9/9 ยังไงก็ขายได้ในราคาที่ต้องการ
ส่วนคนที่มีนักเตะเข้าทีมหลังจากนั้น ก็รอระยะเวลาไปตามที่กำหนด ถ้าอยากจะขายได้ราคาดี ซึ่งตลาดจะเข้าสู่ภาวะปกติอีกครั้งก็อีก 3 ฤดูกาลต่อจากนั้น
ทีนี้ก็จะเหมือนเดิมกับตอนนี้ เพียงแต่ขั้นตอนมันเพิ่มขึ้น แล้วถึงเวลานั้นเงินล้านก็ซื้อได้แต่กากๆเท่านั้น เพราะคนจะมีเงินเก็บกันมากขึ้นกว่าเดิม
โทษทีขอแก้ไขคำตอบหน่อยไม่ใช่Dนะครับหลงประเด็น...555 เป็นAได้ไปครับเพราะให้ราคา2,500,000 G น้อยกว่าBที่ให้ราคาสูงสุด2,500,010 G แค่10G แต่ให้ค่าเหนื่อยถึง5,000G

กอดเมืองไทย

  • Professional team
  • **
  • Posts: 86
    • View Profile
อ๋อพอจะเข้าใจแล้ว ถ้าเราต้องการ 1 ล้าน เราก็ตั้ง 1 ล้านไปเลย
เช่น ขาย 1,000,000 G ถ้ามี 4 ทีมร่วมบิด
A=2,500,000 G + 5,000 G
B=2,500,010 G + 1,999 G
C=1,000,000 G + 5,001 G
D=1,000,004 G + 2,000 G
ซึ่งถ้าเป็นแบบนี้ทีม D ก็ชนะไปตรงที่ค่าจ้างแพงกว่า 1 G ใช่ไหมครับ
โดยในความเป็นจริงแล้วทุกๆคนคงใส่ราคาที่ตั้งขาย 1 ล้านกว่าๆ เท่านั้น แล้วมาสู้ที่ค่าจ้างแทน

ผมก็ว่ามันก็คงไม่ต่างจากการซื้อขายเดิมมากสักเท่าไหร่ เพราะคนที่ตั้งขาย ยังไงก็คงต้องการราคาที่อยากได้อยู่แล้ว
ก็จะทำให้ในตลาดแต่ละตัวมีราคาที่สูงขึ้นทั้งนั้น ราคาที่ตั้งขั้นต่ำตัวละ 100 G ก็คงไม่มีในตลาดเลย

เพียงแต่ระบบใหม่มีเงื่อนไขระยะเวลาเข้ามาเกี่ยวข้องด้วยเท่านั้น สำหรับคนที่มีตัวนักเตะอยู่ก่อนวันที่ 9/9 ยังไงก็ขายได้ในราคาที่ต้องการ
ส่วนคนที่มีนักเตะเข้าทีมหลังจากนั้น ก็รอระยะเวลาไปตามที่กำหนด ถ้าอยากจะขายได้ราคาดี ซึ่งตลาดจะเข้าสู่ภาวะปกติอีกครั้งก็อีก 3 ฤดูกาลต่อจากนั้น
ทีนี้ก็จะเหมือนเดิมกับตอนนี้ เพียงแต่ขั้นตอนมันเพิ่มขึ้น แล้วถึงเวลานั้นเงินล้านก็ซื้อได้แต่กากๆเท่านั้น เพราะคนจะมีเงินเก็บกันมากขึ้นกว่าเดิม

ผมว่าท่านพิมพ์งงๆนะ กรณีที่ท่านยกมาทั้ง 4 คือ A-D กรณี A ต้องได้ดิ C และ D ตัดทิ้งเลยเพราะค่าตัวไม่ถึง 40% ของค่าตัวที่เสนอแพงสุดคือ B กรณีแบบนี้ทีมที่จะได้วัดกันแค่ A และ B ในส่วนของการเสนอค่าเหนื่อยที่ใครให้มากกว่ากัน A ก็จะได้ไป

ชักงงมะกี้คุณกอดเมืองไทยบอก D ได้ไป มันจะได้ไปได้ยังไง A มันให้มากกว่าทั้งเงินทั้งค่าเหนื่อย - -
แก้แล้วครับAได้ไปจ้า เมื่อกี้โจทย์มันหลอกเราก็มือไวพิมพ์เลย พอมาดูอีกที คิดผิดนี่หว่า....อิอิ

lucky

  • National Team
  • ***
  • Posts: 248
    • View Profile
    • http://www.gokickoff.com/team_overviews.php?club_id=
อ๋อพอจะเข้าใจแล้ว ถ้าเราต้องการ 1 ล้าน เราก็ตั้ง 1 ล้านไปเลย
เช่น ขาย 1,000,000 G ถ้ามี 4 ทีมร่วมบิด
A=2,500,000 G + 5,000 G
B=2,500,010 G + 1,999 G
C=1,000,000 G + 5,001 G
D=1,000,004 G + 2,000 G
ซึ่งถ้าเป็นแบบนี้ทีม D ก็ชนะไปตรงที่ค่าจ้างแพงกว่า 1 G ใช่ไหมครับ
โดยในความเป็นจริงแล้วทุกๆคนคงใส่ราคาที่ตั้งขาย 1 ล้านกว่าๆ เท่านั้น แล้วมาสู้ที่ค่าจ้างแทน

ผมก็ว่ามันก็คงไม่ต่างจากการซื้อขายเดิมมากสักเท่าไหร่ เพราะคนที่ตั้งขาย ยังไงก็คงต้องการราคาที่อยากได้อยู่แล้ว
ก็จะทำให้ในตลาดแต่ละตัวมีราคาที่สูงขึ้นทั้งนั้น ราคาที่ตั้งขั้นต่ำตัวละ 100 G ก็คงไม่มีในตลาดเลย

เพียงแต่ระบบใหม่มีเงื่อนไขระยะเวลาเข้ามาเกี่ยวข้องด้วยเท่านั้น สำหรับคนที่มีตัวนักเตะอยู่ก่อนวันที่ 9/9 ยังไงก็ขายได้ในราคาที่ต้องการ
ส่วนคนที่มีนักเตะเข้าทีมหลังจากนั้น ก็รอระยะเวลาไปตามที่กำหนด ถ้าอยากจะขายได้ราคาดี ซึ่งตลาดจะเข้าสู่ภาวะปกติอีกครั้งก็อีก 3 ฤดูกาลต่อจากนั้น
ทีนี้ก็จะเหมือนเดิมกับตอนนี้ เพียงแต่ขั้นตอนมันเพิ่มขึ้น แล้วถึงเวลานั้นเงินล้านก็ซื้อได้แต่กากๆเท่านั้น เพราะคนจะมีเงินเก็บกันมากขึ้นกว่าเดิม

ผมว่าท่านพิมพ์งงๆนะ กรณีที่ท่านยกมาทั้ง 4 คือ A-D กรณี A ต้องได้ดิ C และ D ตัดทิ้งเลยเพราะค่าตัวไม่ถึง 40% ของค่าตัวที่เสนอแพงสุดคือ B กรณีแบบนี้ทีมที่จะได้วัดกันแค่ A และ B ในส่วนของการเสนอค่าเหนื่อยที่ใครให้มากกว่ากัน A ก็จะได้ไป

ชักงงมะกี้คุณกอดเมืองไทยบอก D ได้ไป มันจะได้ไปได้ยังไง A มันให้มากกว่าทั้งเงินทั้งค่าเหนื่อย - -
555 ชักจะงงกันใหญ่
อ้าวแล้ว C เสนอราคาเท่ากับ 40 % ของ A แต่ C จ่ายค่าแรงมากกว่า A งั้น C ก็ต้องได้ไป
ทีนี้มันเกินประเด็นที่ว่า B เสนอราคามากกว่า C เกิน 40 % ถึงค่าแรงจะน้อยกว่า C แต่ B จ่ายบิดมากกว่า B ก็ต้องได้ไป
แล้วพอดีมี D เข้ามาบิด โดย D เสนอราคาเท่ากับ 40 % ของ B แต่จากค่าแรงมากกว่า B เท่ากับ 1 G

ผมว่า D ก็ต้องได้ไปซิ ซึ่ง D เสนอราคาถ้าเทียบแล้ว เท่ากับ 40% ของ B และยังจ่ายค่าแรงมากกว่า B เท่ากับ 1 G

555 ใครจะได้ไปยังไงก็ไม่เป็นไรครับ ผมพิมพ์ไปง่วงไปนะ  ::)
« Last Edit: July 15, 2012, 06:06:01 PM by lucky »

Sillyman

  • Youth team
  • *
  • Posts: 29
    • View Profile
อ๋อพอจะเข้าใจแล้ว ถ้าเราต้องการ 1 ล้าน เราก็ตั้ง 1 ล้านไปเลย
เช่น ขาย 1,000,000 G ถ้ามี 4 ทีมร่วมบิด
A=2,500,000 G + 5,000 G
B=2,500,010 G + 1,999 G
C=1,000,000 G + 5,001 G
D=1,000,004 G + 2,000 G
ซึ่งถ้าเป็นแบบนี้ทีม D ก็ชนะไปตรงที่ค่าจ้างแพงกว่า 1 G ใช่ไหมครับ
โดยในความเป็นจริงแล้วทุกๆคนคงใส่ราคาที่ตั้งขาย 1 ล้านกว่าๆ เท่านั้น แล้วมาสู้ที่ค่าจ้างแทน

ผมก็ว่ามันก็คงไม่ต่างจากการซื้อขายเดิมมากสักเท่าไหร่ เพราะคนที่ตั้งขาย ยังไงก็คงต้องการราคาที่อยากได้อยู่แล้ว
ก็จะทำให้ในตลาดแต่ละตัวมีราคาที่สูงขึ้นทั้งนั้น ราคาที่ตั้งขั้นต่ำตัวละ 100 G ก็คงไม่มีในตลาดเลย

เพียงแต่ระบบใหม่มีเงื่อนไขระยะเวลาเข้ามาเกี่ยวข้องด้วยเท่านั้น สำหรับคนที่มีตัวนักเตะอยู่ก่อนวันที่ 9/9 ยังไงก็ขายได้ในราคาที่ต้องการ
ส่วนคนที่มีนักเตะเข้าทีมหลังจากนั้น ก็รอระยะเวลาไปตามที่กำหนด ถ้าอยากจะขายได้ราคาดี ซึ่งตลาดจะเข้าสู่ภาวะปกติอีกครั้งก็อีก 3 ฤดูกาลต่อจากนั้น
ทีนี้ก็จะเหมือนเดิมกับตอนนี้ เพียงแต่ขั้นตอนมันเพิ่มขึ้น แล้วถึงเวลานั้นเงินล้านก็ซื้อได้แต่กากๆเท่านั้น เพราะคนจะมีเงินเก็บกันมากขึ้นกว่าเดิม

ผมว่าท่านพิมพ์งงๆนะ กรณีที่ท่านยกมาทั้ง 4 คือ A-D กรณี A ต้องได้ดิ C และ D ตัดทิ้งเลยเพราะค่าตัวไม่ถึง 40% ของค่าตัวที่เสนอแพงสุดคือ B กรณีแบบนี้ทีมที่จะได้วัดกันแค่ A และ B ในส่วนของการเสนอค่าเหนื่อยที่ใครให้มากกว่ากัน A ก็จะได้ไป

ชักงงมะกี้คุณกอดเมืองไทยบอก D ได้ไป มันจะได้ไปได้ยังไง A มันให้มากกว่าทั้งเงินทั้งค่าเหนื่อย - -
555 ชักจะงงกันใหญ่
อ้าวแล้ว C เสนอราคาเท่ากับ 40 % ของ A แต่ C จ่ายค่าแรงมากกว่า A งั้น C ก็ต้องได้ไป
ทีนี้มันเกินประเด็นที่ว่า B เสนอราคามากกว่า C เกิน 40 % ถึงค่าแรงจะน้อยกว่า C แต่ B จ่ายบิดมากกว่า B ก็ต้องได้ไป
แล้วพอดีมี D เข้ามาบิด โดย D เสนอราคาเท่ากับ 40 % ของ B แต่จากค่าแรงมากกว่า B เท่ากับ 1 G

ผมว่า D ก็ต้องได้ไปซิ ซึ่ง D เสนอราคาถ้าเทียบแล้ว เท่ากับ 40% ของ B และยังจ่ายค่าแรงมากกว่า B เท่ากับ 1 G

555 ใครจะได้ไปยังไงก็ไม่เป็นไรครับ ผมพิมพ์ไปง่วงไปนะ  ::)

หรือว่า C ได้ฟะ
ตามกฏ - ผู้ที่จะชนะประมูล คือ ผู้ที่เสนอค่าจ้างแก่นักเตะสูงที่สุด โดยมีเงื่อนไขว่า ราคาประมูลนักเตะของผู้นั้นต้องไม่น้อยกว่า 40% ของราคาประมูลสูงสุด

C ให้ค่าเหนื่อย 5001 มากสุด ราคาประมูนก็ 40เปอเซนพอดี รอผู้รู้มาตอบละกัน

กอดเมืองไทย

  • Professional team
  • **
  • Posts: 86
    • View Profile
A=2,500,000 G + 5,000 G
B=2,500,010 G + 1,999 G
C=1,000,000 G + 5,001 G
D=1,000,004 G + 2,000 G
-อธิบายได้ตามนี้ครับราคาสูงสุดคือ2,500,010 เพราะฉะนั้นราคา40%ที่ต่ำสุดคือ1,000,004 G กรณีแรกตัดCทิ้งเพราะให้ราคาไม่ถึง40%ของราคาสูงสุด
-ทีนี้ก็ง่ายเลยเหลือแค่A B D ใครให้ค่าเหนื่อยสูงสุดได้ไป Aให้ค่าเหนื่อย5,000Gคว้านักเตะไปนอนกอดจ้า

FIFOrage

  • Professional team
  • **
  • Posts: 55
    • View Profile
อ๋อพอจะเข้าใจแล้ว ถ้าเราต้องการ 1 ล้าน เราก็ตั้ง 1 ล้านไปเลย
เช่น ขาย 1,000,000 G ถ้ามี 4 ทีมร่วมบิด
A=2,500,000 G + 5,000 G
B=2,500,010 G + 1,999 G
C=1,000,000 G + 5,001 G
D=1,000,004 G + 2,000 G
ซึ่งถ้าเป็นแบบนี้ทีม D ก็ชนะไปตรงที่ค่าจ้างแพงกว่า 1 G ใช่ไหมครับ
โดยในความเป็นจริงแล้วทุกๆคนคงใส่ราคาที่ตั้งขาย 1 ล้านกว่าๆ เท่านั้น แล้วมาสู้ที่ค่าจ้างแทน

ผมก็ว่ามันก็คงไม่ต่างจากการซื้อขายเดิมมากสักเท่าไหร่ เพราะคนที่ตั้งขาย ยังไงก็คงต้องการราคาที่อยากได้อยู่แล้ว
ก็จะทำให้ในตลาดแต่ละตัวมีราคาที่สูงขึ้นทั้งนั้น ราคาที่ตั้งขั้นต่ำตัวละ 100 G ก็คงไม่มีในตลาดเลย

เพียงแต่ระบบใหม่มีเงื่อนไขระยะเวลาเข้ามาเกี่ยวข้องด้วยเท่านั้น สำหรับคนที่มีตัวนักเตะอยู่ก่อนวันที่ 9/9 ยังไงก็ขายได้ในราคาที่ต้องการ
ส่วนคนที่มีนักเตะเข้าทีมหลังจากนั้น ก็รอระยะเวลาไปตามที่กำหนด ถ้าอยากจะขายได้ราคาดี ซึ่งตลาดจะเข้าสู่ภาวะปกติอีกครั้งก็อีก 3 ฤดูกาลต่อจากนั้น
ทีนี้ก็จะเหมือนเดิมกับตอนนี้ เพียงแต่ขั้นตอนมันเพิ่มขึ้น แล้วถึงเวลานั้นเงินล้านก็ซื้อได้แต่กากๆเท่านั้น เพราะคนจะมีเงินเก็บกันมากขึ้นกว่าเดิม

ผมว่าท่านพิมพ์งงๆนะ กรณีที่ท่านยกมาทั้ง 4 คือ A-D กรณี A ต้องได้ดิ C และ D ตัดทิ้งเลยเพราะค่าตัวไม่ถึง 40% ของค่าตัวที่เสนอแพงสุดคือ B กรณีแบบนี้ทีมที่จะได้วัดกันแค่ A และ B ในส่วนของการเสนอค่าเหนื่อยที่ใครให้มากกว่ากัน A ก็จะได้ไป

ชักงงมะกี้คุณกอดเมืองไทยบอก D ได้ไป มันจะได้ไปได้ยังไง A มันให้มากกว่าทั้งเงินทั้งค่าเหนื่อย - -
555 ชักจะงงกันใหญ่
อ้าวแล้ว C เสนอราคาเท่ากับ 40 % ของ A แต่ C จ่ายค่าแรงมากกว่า A งั้น C ก็ต้องได้ไป
ทีนี้มันเกินประเด็นที่ว่า B เสนอราคามากกว่า C เกิน 40 % ถึงค่าแรงจะน้อยกว่า C แต่ B จ่ายบิดมากกว่า B ก็ต้องได้ไป
แล้วพอดีมี D เข้ามาบิด โดย D เสนอราคาเท่ากับ 40 % ของ B แต่จากค่าแรงมากกว่า B เท่ากับ 1 G

ผมว่า D ก็ต้องได้ไปซิ ซึ่ง D เสนอราคาถ้าเทียบแล้ว เท่ากับ 40% ของ B และยังจ่ายค่าแรงมากกว่า B เท่ากับ 1 G

555 ใครจะได้ไปยังไงก็ไม่เป็นไรครับ ผมพิมพ์ไปง่วงไปนะ  ::)

หรือว่า C ได้ฟะ
ตามกฏ - ผู้ที่จะชนะประมูล คือ ผู้ที่เสนอค่าจ้างแก่นักเตะสูงที่สุด โดยมีเงื่อนไขว่า ราคาประมูลนักเตะของผู้นั้นต้องไม่น้อยกว่า 40% ของราคาประมูลสูงสุด

C ให้ค่าเหนื่อย 5001 มากสุด ราคาประมูนก็ 40เปอเซนพอดี รอผู้รู้มาตอบละกัน

C ไม่ได้อยุ่แล้วครับ เพราะว่า ราคาประมูล สูงสุดคือ  2500010   
40% ของ ราคาสูงสุดคือ  1,000,004

เลยเหลือทีมวัดค่าเหนื่อยกันแค่ 3 ทีมคือ  A B D   ซึ่งใน 3 ทีมนี้ใครให้ค่าเหนื่อยสูงสุดก็จะได้ไป ไม่ต้องไปคิดอะไรให้มันซับซ้อนมาก

ซึ่ง A ให้ค่าเหนื่อยมากสุดก็ได้ไป


สรุป   การคิดไม่ต้องไปคิดให้มันงงหลายขั้นตอน มันมีแค่ 2 ขั้นตอนเท่านั้นคือ

1.  ดูค่าตัวที่เสนอก่อนว่า สัญญาของทีมไหนบ้างที่มีสิทธิผ่านเข้าถึงตัวนักเตะได้พิจารณา  คือ ไม่น้อยกว่า 40% ของข้อเสนอสูงสุด

2. ทีมที่ผ่านรอบแรก(ข้อ 1 ) วัดค่าเหนื่อยกันเพียวๆไม่ต้องสนค่าตัวที่ยื่นมา  ใครให้ค่าเหนื่อยเยอะสุดก็ได้ตัวไป

FaT4L

  • National Team
  • ***
  • Posts: 208
    • View Profile
รอดู พวกบิทตังไว้พอผ่านเข้ารอบ 2 แล้วยัดค่าเหนื่อยหนักๆ

แล้วไปผ่อนเอาทุกวันศุกร์  5555+

 :P :P :P :P :P :P :P :P :P :P :P

ousmal

  • All Star Team
  • ****
  • Posts: 310
    • View Profile
A=2,500,000 G + 5,000 G
B=2,500,010 G + 1,999 G
C=1,000,000 G + 5,001 G
D=1,000,004 G + 2,000 G
-อธิบายได้ตามนี้ครับราคาสูงสุดคือ2,500,010 เพราะฉะนั้นราคา40%ที่ต่ำสุดคือ1,000,004 G กรณีแรกตัดCทิ้งเพราะให้ราคาไม่ถึง40%ของราคาสูงสุด
-ทีนี้ก็ง่ายเลยเหลือแค่A B D ใครให้ค่าเหนื่อยสูงสุดได้ไป Aให้ค่าเหนื่อย5,000Gคว้านักเตะไปนอนกอดจ้า


C ไม่ได้อยุ่แล้วครับ เพราะว่า ราคาประมูล สูงสุดคือ  2500010   
40% ของ ราคาสูงสุดคือ  1,000,004

เลยเหลือทีมวัดค่าเหนื่อยกันแค่ 3 ทีมคือ  A B D   ซึ่งใน 3 ทีมนี้ใครให้ค่าเหนื่อยสูงสุดก็จะได้ไป ไม่ต้องไปคิดอะไรให้มันซับซ้อนมาก

ซึ่ง A ให้ค่าเหนื่อยมากสุดก็ได้ไป


สรุป   การคิดไม่ต้องไปคิดให้มันงงหลายขั้นตอน มันมีแค่ 2 ขั้นตอนเท่านั้นคือ

1.  ดูค่าตัวที่เสนอก่อนว่า สัญญาของทีมไหนบ้างที่มีสิทธิผ่านเข้าถึงตัวนักเตะได้พิจารณา  คือ ไม่น้อยกว่า 40% ของข้อเสนอสูงสุด

2. ทีมที่ผ่านรอบแรก(ข้อ 1 ) วัดค่าเหนื่อยกันเพียวๆไม่ต้องสนค่าตัวที่ยื่นมา  ใครให้ค่าเหนื่อยเยอะสุดก็ได้ตัวไป


ตามนี้เลยฮะท่าน lucky & Sillyman ถ้าไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงจากที่แอดมินให้มาคำตอบของท่าน กอดเมืองไทย และ FIFOrage เป็นคำตอบที่ถูกต้อง

แต่เวลาที่เราบิตราคากันจริงๆมันไม่มีขั้นตอนนะ จากที่อ่านคือค่าเหนื่อยสูงสุดจะมีให้เห็นอยู่แล้ว ไปใส่ราคาค่าตัววัดกันเอา
-ทีมงานแมวมองมีไว้ใช้ส่องประเมินราคาประมูลสูงสุดขณะนั้น(Current Max Bid) แต่ค่าจ้างสูงสุดจะมีโชว์ให้เห็นอยู่แล้ว

ปล. ที่ผมตอบไปก่อนหน้าผิดไปนิดตรงตัด D ทิ้งก่อน เพราะลืมดูตัวเลขหลังดีๆว่ามัน 40% ของ B

lucky

  • National Team
  • ***
  • Posts: 248
    • View Profile
    • http://www.gokickoff.com/team_overviews.php?club_id=
A=2,500,000 G + 5,000 G
B=2,500,010 G + 1,999 G
C=1,000,000 G + 5,001 G
D=1,000,004 G + 2,000 G
-อธิบายได้ตามนี้ครับราคาสูงสุดคือ2,500,010 เพราะฉะนั้นราคา40%ที่ต่ำสุดคือ1,000,004 G กรณีแรกตัดCทิ้งเพราะให้ราคาไม่ถึง40%ของราคาสูงสุด
-ทีนี้ก็ง่ายเลยเหลือแค่A B D ใครให้ค่าเหนื่อยสูงสุดได้ไป Aให้ค่าเหนื่อย5,000Gคว้านักเตะไปนอนกอดจ้า


C ไม่ได้อยุ่แล้วครับ เพราะว่า ราคาประมูล สูงสุดคือ  2500010   
40% ของ ราคาสูงสุดคือ  1,000,004

เลยเหลือทีมวัดค่าเหนื่อยกันแค่ 3 ทีมคือ  A B D   ซึ่งใน 3 ทีมนี้ใครให้ค่าเหนื่อยสูงสุดก็จะได้ไป ไม่ต้องไปคิดอะไรให้มันซับซ้อนมาก

ซึ่ง A ให้ค่าเหนื่อยมากสุดก็ได้ไป


สรุป   การคิดไม่ต้องไปคิดให้มันงงหลายขั้นตอน มันมีแค่ 2 ขั้นตอนเท่านั้นคือ

1.  ดูค่าตัวที่เสนอก่อนว่า สัญญาของทีมไหนบ้างที่มีสิทธิผ่านเข้าถึงตัวนักเตะได้พิจารณา  คือ ไม่น้อยกว่า 40% ของข้อเสนอสูงสุด

2. ทีมที่ผ่านรอบแรก(ข้อ 1 ) วัดค่าเหนื่อยกันเพียวๆไม่ต้องสนค่าตัวที่ยื่นมา  ใครให้ค่าเหนื่อยเยอะสุดก็ได้ตัวไป


ตามนี้เลยฮะท่าน lucky & Sillyman ถ้าไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงจากที่แอดมินให้มาคำตอบของท่าน กอดเมืองไทย และ FIFOrage เป็นคำตอบที่ถูกต้อง

แต่เวลาที่เราบิตราคากันจริงๆมันไม่มีขั้นตอนนะ จากที่อ่านคือค่าเหนื่อยสูงสุดจะมีให้เห็นอยู่แล้ว ไปใส่ราคาค่าตัววัดกันเอา
-ทีมงานแมวมองมีไว้ใช้ส่องประเมินราคาประมูลสูงสุดขณะนั้น(Current Max Bid) แต่ค่าจ้างสูงสุดจะมีโชว์ให้เห็นอยู่แล้ว

ปล. ที่ผมตอบไปก่อนหน้าผิดไปนิดตรงตัด D ทิ้งก่อน เพราะลืมดูตัวเลขหลังดีๆว่ามัน 40% ของ B


อ๋อ โอเค ขอบคุณทุกท่านครับ เข้าใจแล้ว
555 พอมันง่วงแล้ว มันพิมพ์ไปมึนไปนะ 555 :P

korab

  • Professional team
  • **
  • Posts: 92
    • View Profile
ยอดเยี่ยมเลยครับ ท่านเอส  8)

peeaus

  • All Star Team
  • ****
  • Posts: 349
    • View Profile
"You'll Never Walk Alone" คุณไม่มีวันเดินเดียวดาย แต่คุณจะตายเป็นหมู่คณะ

JOJI32

  • All Star Team
  • ****
  • Posts: 313
  • thaipop thaipop thaipop
    • View Profile
พยายามให้ดีที่สุด เต็มที่ทุกนาที ไม่ยอมแพ้จนวินาทีสุดท้าย

คuไม่มีดี

  • Legendary Team
  • *****
  • Posts: 916
    • View Profile
ใจคอไม่คิดจะปักหมุดกันใช่ไหม

ถามกูทำไม ไปถามสาวยาคูลท์ซิ

  • Legendary Team
  • *****
  • Posts: 1266
  • วันนี้ วันนั้น วันไหน
    • View Profile
ปักหมุดแล้วมันจะออกทะเลไม่ได้น่ะ


[email protected] -> เกี่ยวกับการซื้อบัญชีพรีเมียมและโทเค็น
[email protected] -> ติดต่อเกมมาสเตอร์, อุทธรณ์บทลงโทษ, รายงานคนโกง
[email protected] -> เรื่องทั่วไป